บลูสโคป เราตอบโจทย์เรื่องการลงทุน

ในปัจจุบันผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไก่เนื้อ และไก่ไข่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการผลิตในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โรงเรือนนับเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญในการเลี้ยงไก่ เป็นสถานที่ที่เลี้ยงไก่ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งปลดขาย การออกแบบโรงเรือนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมจะทำให้ไก่อยู่ได้อย่างสบาย มีการเจริญเติบโตตามปกติ ให้ผลผลิตที่ดี

เมทัลชีท บลูสโคป จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของฟาร์มไก่ และผู้ใช้งานจริงในโรงเรือนระบบปิด ทั้งฟาร์มอุตสาหกรรมระดับประเทศ อาทิเช่น ซีพีเอฟ, เบทาโก และฟาร์มอุตสาหกรรมในภูมิภาค  อาทิเช่น ไก่พันธุ์ พีพี แก่งคอย, อรัณย์กาญจน์ และซุปเปอร์ฟาร์ม มากว่า 20 ปี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพของเมทัลชีทบลูสโคปที่ทนทาน ต่อสภาวะแวดล้อมที่กัดกร่อนสูง ทำให้เมทัลชีทบลูสโคป จึงกล้ารับประกันการไม่ผุกร่อนสูงสุด 20 ปี* สำหรับหลังคาเมทัลชีท คัลเลอร์บอนด์® ในโรงเรือนเลี้ยงไก่ระบบปิด [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง]

ฟาร์มไก่ไข่ และไก่เนื้อที่ใช้เมทัลชีทบลูสโคป

บริษัท ไก่พันธุ์ พีพี แก่งคอย จำกัด

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

บริษัท ซุปเปอร์ ฟาร์ม จำกัด

สุนทรฟาร์ม (ราชาไข่ไก่)  บริษัท คิงส์ เอ๊กส์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท อรัณย์กาญจน์ จำกัด

ทำไมต้องเลี้ยงไก่ด้วยระบบปิด

ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น เกษตรกรจะนิยมสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่เป็นแบบโรงเรือนเปิด คือไม่มีผนังกั้นทั้ง 4 ด้าน เพื่อต้องการให้อากาศภายในโรงเรือนมีการถ่ายเทได้ตลอดเวลา ลดความร้อนภานในโรงเรือน แต่อุณหภูมิภายในโรงเรือนนั้นก็จะไม่สามารถควบคุมได้โดยจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศภายนอกโรงเรือน เช่นฤดูร้อน อากาศจากด้านนอกพัดเข้ามาในโรงเรือนจะเป็นอากาศร้อนมีอุณหภูมิสูงมาก และเมื่อมีความร้อนสูงไก่มักทนอากาศร้อนไม่ไหว ไม่กินอาหาร ป่วย และส่งผลกระทบให้ได้ผลผลิตที่ต่ำลง หรืออาจจะเสียชีวิตได้

เพื่อหลีกเลี่ยงจากอากาศร้อนและต้องการควบคุมอุณหภูมิของโรงเรือน จึงได้มีการคิดค้นโรงเรือนระบบปิดโดยใช้หลักการระบายความร้อนด้วยน้ำและใช้พัดลมเป็นตัวถ่ายเทอากาศ หรือ Evaporative cooling system (EVAP)

โดยระบบปิดมีข้อดีคือ

  • สามารถความคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่างในโรงเรือนได้สม่ำเสมอ
  • สามารถป้องกันเชื้อโรค ลดอัตราการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การหมุนเวียนอากาศภายในโรงเรือนสม่ำเสมอมาก มีการระบายเอาอากาศเสียออกไปภายนอกโรงเรือนโดยพัดลม เป็นการลดปัญหาระดับแอมโมเนียในโรงเรือนได้ไม่ให้สะสมจนเป็นสาเหตุให้ไก่ตายได้
  • ลดความเครียดที่เกิดจากความร้อนและทำให้ไก่สุขภาพดีขึ้น อัตราการเจริญเติบโตดีกว่า ให้ผลผลิตที่เร็วกว่า ความเสี่ยงต่อการตายทั้งเล้าน้อยกว่า
  • สามารถเลี้ยงไก่ได้มากขึ้นกว่าโรงเรือนแบบเปิด เมื่อเทียบกับพื้นที่เท่ากันประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้คนให้อาหาร ยาปฏิชีวนะ น้ำ

ข้อที่ควรพิจารณา

  • การลงทุนเริ่มต้นสูง เพราะต้องสร้างโรงเรือนแบบปิด และระบบ EVAP จำเป็นต้องมีแหล่งเงินทุน
  • การไม่เข้าใจในระบบและการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องจะนำไปสู่ความเสียหายที่มากกว่าการเลี้ยงในโรงเรือนระบบเปิด เช่น ระดับความชื้นภายในโรงเรือนค่อนข้างสูงส่งผลให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
  • ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และซ่อมบำรุงหลังคา ฝ้า ผนัง ระบบอุปกรณ์ เช่น Cooling Pad, พัดลม, ระบบควมคุม อย่างไรก็ตามการเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
  • ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสูงกว่า เพราะมีค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าจะมีข้อที่ควรพิจารณาหลายข้อ แต่ถ้านำมาคำนวณถึงข้อดีนั้นจะเห็นได้ว่า ระบบปิดนั้นลดความเสี่ยงที่ทางเจ้าของฟาร์มจะสูญเสียไก่ จากเชื้อโรค สัตว์ร้าย เช่น งู อากาศที่ร้อนจัด และสามารถคาดการณ์ผลผลิตได้แน่นอน รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย

ในการเลี้ยงไก่เนื้อ และไก่ไข่ในระบบปิด หรือ Evaporative cooling system (EVAP) หัวใจหลักคือการควบคุมอุณหภูมิ ด้วยการระเหยน้ำ ภายในโรงเรือนเพื่อให้ไก่อยู่สบาย ซึ่งจะส่งผลให้ได้ผลผลิตที่ดี ไม่เจ็บป่วย โดยปัจจัยที่ส่งผลต่ออุณหภูมิ คือ 1. ระบบ Cooling Pad หรือแผ่นรังผึ้ง และ ระบบระบายอากาศหรือพัดลม และ 2. โครงสร้างโรงเรือนระบบปิด หลังคา โครงหลัง ฝ้า และผนัง

นอกจากระบบ EVAP แล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ โครงสร้างของโรงเรือนปิด อันประกอบไปด้วย โครงสร้างหลังคา หลังคา ฝ้า และผนังของโรงเรือน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำหน้าที่หลัก 2 อย่างคือ

  1. ป้องกันความร้อนเข้ามาภายในโรงเรือน เพราะจะทำให้การควบคุมอุณหภูมิทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือต้องใช้พลังงานมากกว่าที่จำเป็น
  2. ป้องกันความเย็น หรือลมเย็นไหลออกก่อนจะไปถึงท้ายโรงเรือน อากาศเย็นก็จะไปไม่ถึงด้านท้ายของโรงเรือน ก็อาจจะทำให้ไก่ที่อยู่ท้ายโรงเรือนให้ผลผลิตต่ำกว่าที่ต้องการ

 

ที่มา 

ที่มา 

โครงสร้างโรงเรือนระบบปิด ในฟาร์มไก่ไข่ และไก่เนื้อ จะมีรูปแบบที่คล้ายกัน ประกอบด้วย

  1. หลังคาเมทัลชีท
  2. ฝ้า
  3. ผนังด้านนอก
  4. ผนังด้านใน
  5. โครงหลังคา

การเลือกใช้วัสดุมีความสำคัญอย่างไร

เพราะการสร้างโรงเรือนแบบปิดจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่สูงในระยะเริ่มแรก ทำให้เจ้าของฟาร์มมีโอกาสตัดสินใจเลือกวัสดุมีที่ต้นทุนที่ต่ำ เพื่อลดต้นทุน แต่อาจไม่ได้คุณภาพ และการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพอาจส่งผลในระยะยาว เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเสียเงิน เสียเวลา ซ้ำซ้อนมากกว่าที่จำเป็น เช่น ต้องบำรุงรักษา ซ่อมแซม ทาสี ปะผุ หรือเปลี่ยน แทนที่จะนำเงินที่ได้จากการขายไก่ และไข่ไก่ มาลงทุนต่อยอด หรือนำไปชำระเงินต้นกับสถาบันการเงิน กลับต้องเอามาใช้ในการซ่อมแซม

ข้อเสียของการใช้เมทัลชีททั่วไปที่คุณภาพต่ำ

  1. หลังคาเมทัลชีทที่คุณภาพไม่ดี อาจผุกร่อนหลังจากการติดตั้งไปได้ 2-3 ปี ขึ้นสนิมก่อนเวลาอันควร อายุการใช้งานสั้น เสียเงินซ้ำซ้อน ไม่คุ้มทุน ทำให้ต้องเสียเงิน เสียเวลาในการซ่อมบำรุงเช่นทาสีทับ ทุกๆ ปี และต้องทาสีใหม่เรื่อยๆ เพราะสีที่ทานั้นไม่มีเป็นสีเฉพาะที่เคลือบมาจากโรงงาน และไม่มีการทาสีรองพื้นเพื่อช่วยการยึดติดของสีกับเมทัลชีท รวมถึงอาจไม่มีการทำความสะอาด ขัดผิวทึ่ขึ้นสนิมก่อน หรือมีโอกาสที่ต้องเปลี่ยนหลังคาทั้งหมด และเมื่อดูเรื่องความคุ้มทุน การลงทุนใช้เมทัลชีทบลูสโคป ตั้งแต่เริ่มต้น คุ้มค่ากว่าแน่นอนเพราะมีรับประกันสูงสุดถึง 20 ปี* [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง]

หากปล่อยไว้จนสนิมกัดกร่อนจนหลังคาเมทัลชีททะลุ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของไก่ และเป็นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ ที่อาจนำเชื้อโรค มาสู่ไก่ที่เลี้ยงไว้ได้ เช่นนก หนู แมลงวัน รวมถึงเมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลลงไปที่ฝ้าทำให้เกิดสนิมที่ฝ้าได้อีกด้วย

หลังคาเมทัลชีททั่วไปที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อใช้งานไปแล้ว 3 ปีเกิดสนิมแดง โดยในภาพจะเห็นว่าครอบจั๋วและครอบข้างที่ใช้เมทัลชีทบลูสโคปยังไม่เกิดสนิมแดง

  • ฝ้าเมทัลชีท เป็นส่วนสำคัญเช่นกันเพราะเป็นส่วนที่ช่วยลดความร้อนจากหลังคา และป้องกันไม่ให้ลมเย็นไหลออกไปภายนอกอีกด้วย หากเกิดสนิมและเกิดรูรั่วขึ้นมา อาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นในโรงเรือน รวมทั้งอาจจะเป็นที่อยู่ของแมลง ฝุ่น สิ่งสกปรก

นอกจากนี้ฝ้ายังเป็นจุดที่สัมผัสโดยตรงกับทั้งก๊าซแอมโมเนีย และสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาดภายในโรงเรือนหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ดังนั้นเมทัลชีทที่ใช้จึงต้องมีคุณภาพสูง ที่สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี เมทัลชีท บลูสโคป ให้รับประกันสูงสุด 10 ปี* [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง]

ฝ้าเมทัลชีททั่วไปที่ไม่ได้คุณภาพ ชั้นเคลือบโลหะต่ำไม่สม่ำเสมอทั่วแผ่น จะเกิดสนิมจนทะลุเป็นรู

  • ผนังโรงเรือน ในปัจจุบันเริ่มนิยมใช้เป็นแบบ แซนวิชพาแนล คือเมทัลชีทประกบหน้าหลัง ตรงกลางคือฉนวนป้องกันความร้อน เช่น PU, EPS เป็นต้น ข้อดีของการใช้ แซนวิชพาแนล คือติดตั้งง่าย รวดเร็ว ป้องกันความร้อนเข้ามา และป้องกันความเย็นออกไปได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ แซนวิชพาแนล ยังมีรอยต่อน้อย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดรูจากการยึดสกรู ที่อาจทำให้ลมภายนอกไหลเข้ามา หรือเกิดการรั่วซึมซึ่งทำให้ภายในอาคารควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ยากขึ้น

นอกจากผนังที่เป็น แซนวิชพาแนล แล้วแผ่นบางเกร็ดบริเวณ Cooling pad ก็มีส่วนสำคัญมากเพราะเป็นจุดที่ลมร้อนไหลเข้าไปก่อนที่จะเข้าสู่ Cooling Pad หากเกิดสนิมจนผุกร่อนก็จะสร้างปัญหาให้กับการทำงานของระบบทำความเย็นได้เช่นกัน

แผ่นบางเกร็ดที่ใช้เมทัลชีททั่วไปที่ไม่ได้คุณภาพ อายุ 4 ปี เกิดสนิมเนื่องจากชั้นเคลือบโลหะต่ำไม่สม่ำเสมอทั่วแผ่น

แผ่นบางเกร็ดที่ใช้เมทัลชีท บลูสโคป แซคส์® อายุ 8 ปีติดตั้งปี 2546

การเลือกวัสดุสำหรับผนังควรระบุยี่ห้อ รวมถึงคุณสมบัติของเมทัลชีทที่ที่เหมาะสมสำหรับ แซนวิชพาแนลทั้งแผ่นประกับภายในอาคาร และภายนอกอาคาร ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับภายนอกอาคารเมทัลชีทบลูสโคป รับประกันไม่ผุกร่อนถึง 20 ปี* [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง] และภายในสูงสุด 10 ปี [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง]

  • โครงหลังคา

วัสดุที่ใช้สำหรับโครงหลังคาต้องเลือกใช้ที่ดีมีคุณภาพสูง เพราะใต้หลังคา จะเป็นที่สะสมความร้อนจากหลังคา ฝุ่นสิ่งสกปรก มีความชื้นสูง และมีการกัดกร่อนจากก๊าซแอมโมเนียที่ระเหยขึ้นไป สะสมอยู่ด้านบน โดยไม่มีการระบายออก ซึ่งการใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพอาจทำให้เกิดการผุกร่อนของโครงสร้างหลังคาที่เป็นที่ยึดของหลังคา และฝ้า จนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการพังของโครงสร้างได้

โครงหลังคา SuperDyma® จากบลูสโคป รับประกันโครงสร้างไม่พังจากการผุกร่อนสูงสุด 6 ปี* [ดูเงื่อนไขการรับประกัน ด้านล่าง]

ทำไมต้องเลือกใช้เมทัลชีท จากบลูสโคป

เมท้ลชีทบลูสโคป ดียังไง

  1. เชื่อถือได้ เพราะ บลูสโคป มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 36 ปี เป็นผู้ผลิตเมทัลชีทในประเทศไทย มีโรงงานอยู่ที่จังหวัดระยอง มีออฟฟิตที่กรุงเทพฯ มีทีมเทคนิค พร้อมให้คำแนะนำ
  2. สินค้าดี มีคุณภาพ ชั้นเคลือบสม่ำเสมอ ไม่โกงชั้นเคลือบ ตรวจสอบได้ มีมอก. ลงทุนครั้งเดียว ทน คุ้ม ไม่ต้องเปลี่ยน หมดปัญหาเรื่องสนิม
  3. หาซื้อง่าย สามารถปรึกษาได้ มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ https://www.nsbluescope.com/th/ns-bluescope-authorized-dealers/
  4. มีสินค้าครบ มีให้เลือกหลายหลาย ตามการใช้งาน
  5. รับประกันสูงสุด 20 ปี สามารถขอใบรับประกันสินค้า สำหรับโรงเรือนแบบระบบปิด ได้จากตัวแทนจำหน่าย
  6. การันตีจากผู้ใช้จริงในระบบฟาร์มปิด ทั้งฟาร์มอุตสาหกรรมระดับประเทศ และฟาร์มอุตสาหกรรมในภูมิภาค

ยืนยันจากผู้ใช้จริง

รุ่นสินค้าบลูสโคป และการใช้งานที่แนะนำสำหรับโรงเรือนแบบปิด

ดาวน์โหลดโบร์ชัวร์ คลิ๊ก

*เงื่อนไขและ การรับประกันสินค้าบลูสโคปสำหรับโรงเรือนไก่ไข่ และไก่เนื้อแบบปิด

เมทัลชีท COLORBOND® steel คลิก

เมทัลชีท ZINCALUME® steel คลิก

เมทัลชีท BlueScope® Zacs คลิก

เมทัลชีท BlueScope® Zacs Cool คลิก

เมทัลชีท SuperDyma® CRP คลิก

เมทัลชีท SuperDyma® SmartPurlin™ สำหรับงานโครงหลังคา คลิก

อ้างอิง [1] https://www.alltech.com/th-th/features-blog/withiikhwbkhumradabaexmomeniiyinelasatwpiik